ผู้พิการทางการได้ยิน
บุคคลที่มีความบกพร่องทางการได้ยิน หมายถึง บุคคลที่มีความบกพร่องทางการได้ยิน บุคคลที่มีความสามารถในการรับฟังเสียงต่าง ๆ บกพร่องหรือสูญเสียไป เป็นเหตุให้ได้ยินเสียงต่าง ๆ ไม่ชัดเจน ในกรณีที่สูญเสียการได้ยินเพียงเล็กน้อย เรียกว่า หูตึง และไม่ได้ยินเสียงพูดในกรณีที่สูญเสียการได้ยินมาก เรียกว่า หูหนวก
ประเภทของบุคคลที่มีความบกพร่องทางการได้ยิน
เด็กหูหนวก หมายถึง เด็กที่สูญเสียการได้ยิน 90 เดซิเบลขึ้นไป วัดด้วยเสียงบริสุทธิ์ ณ ความถี่ 500,1000 และ2,000 เฮิร์ท ในหูข้างที่ดีกว่าเด็กไม่สามารถใช้การได้ยินให้เป็นประโยชน์ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพอาจเป็นผู้ที่สูญเสียการได้ยินมาแต่กำเนิดหรือสูญเสียการได้ยินภายหลังก็ตาม
เด็กหูตึง หมายถึง เด็กที่สูญเสียการได้ยินระหว่าง 26 - 89 เดซิเบล วัดด้วยเสียงบริสุทธิ์ ณความถี่ 500,1000 และ2,000 เป็นเด็กที่สูญเสียการได้ยินเล็กน้อยไปจนถึงการ สูญเสียการได้ยินขั้นรุนแรง
ประวัติความเป็นมาด้านการศึกษา
สำหรับบุคคลที่มีความบกพร่องทางการได้ยินการศึกษาสำหรับเด็กหูหนวกในประเทศไทย เริ่มเมื่อปี พ.ศ. 2494 โดย ม.ร.ว.เสริมศรี เกษมศรี ซึ่งสำเร็จการศึกษาจากวิทยาลัยกอลอเดท (Gallaudet College) วิทยาลัยทางศิลปศาสตร์แห่งแรกและแห่งเดียวสำหรับคนหูหนวก ได้เปิดหน่วยทดลองสอนคนหูหนวกขึ้นเป็นครั้งแรกที่โรงเรียนวัดโสมนัส การสอนคนหูหนวกในตอนนั้นเป็นการสอนพูดโดยใช้ท่าภาษามือประกอบ ต่อมาคุณหญิงกมลา ไกรฤกษ์ ได้สำเร็จการศึกษาจากวิทยาลัยเดียวกันมาเป็นครูใหญ่โรงเรียนสอนคนหูหนวกดุสิต (ปัจจุบันคือโรงเรียนเศรษฐเสถียร) ได้รวบรวมภาษามือขึ้นเป็นหนังสือภาษามือไทยขึ้น เพื่อใช้สอนคนหูหนวกใน ประเทศไทย โดยให้มีการสอนพูดรวมกับการใช้ภาษามือและการสะกดนิ้วมือร่วมกับการอ่าน และการเขียนตามปกติ
ภาษามือเบื้องต้นที่ควรรู้
ภาษามือ เป็นภาษาสำหรับคนหูหนวก ที่ใช้ในการติดต่อสื่อสารกัน โดยอาศัยการแสดงออกทางสีหน้า ท่าทาง และการเคลื่อนไหวร่างกายเพื่อประกอบการสื่อสาร อย่างไรก็ตาม การใช้ภาษามือนั้นไม่ใช่ภาษาสากลที่สามารถใช้ได้ครอบคลุมทุกประเทศ เนื่องจากการใช้ภาษามือจะแตกต่างกันออกไปตามลักษณะของภาษาในประเทศ หรือท้องถิ่นนั้น ๆ และเพื่อให้ทราบถึงลักษณะการใช้ภาษามือของไทย ที่ใช้สำหรับการสื่อสารถึงเรื่องทั่ว ๆ ไปในชีวิตประจำวัน เช่น การทักทาย การชื่นชม หรือการแสดงความรู้สึก ดังนั้นเราจึงรวบรวมภาษามือง่าย ๆ จำนวน 5 ท่า
ภาษามือ เป็นภาษาสำหรับคนหูหนวก ที่ใช้ในการติดต่อสื่อสารกัน โดยอาศัยการแสดงออกทางสีหน้า ท่าทาง และการเคลื่อนไหวร่างกายเพื่อประกอบการสื่อสาร อย่างไรก็ตาม การใช้ภาษามือนั้นไม่ใช่ภาษาสากลที่สามารถใช้ได้ครอบคลุมทุกประเทศ เนื่องจากการใช้ภาษามือจะแตกต่างกันออกไปตามลักษณะของภาษาในประเทศ หรือท้องถิ่นนั้น ๆ และเพื่อให้ทราบถึงลักษณะการใช้ภาษามือของไทย ที่ใช้สำหรับการสื่อสารถึงเรื่องทั่ว ๆ ไปในชีวิตประจำวัน เช่น การทักทาย การชื่นชม หรือการแสดงความรู้สึก ดังนั้นเราจึงรวบรวมภาษามือง่าย ๆ จำนวน 5 ท่า
![]() |
ขอบคุณ |
![]() |
ขอโทษ |
![]() |
น่ารัก |
![]() |
สบายดี |
![]() |
ไม่เป็นไร |
รูปแบบของเครื่องช่วยฟัง ( HEARING AIDS )
• เครื่องช่วยฟัง ( Hearing aids) แบ่งเป็น 2 ประเภท
1.เครื่องชวยฟังชนิดฟังเสียงทางอากาศ
2.เครื่องช่วยฟังชนิดฟังเสียงทางกระดูก
• เครื่องช่วยการรับรู้ด้วยการสั่นสะเทือน (Vibro-tactile hearing aid)
• การผ่าตัดหูชั้นในเทียม ( Cochlear Implant )
• เครื่องกลบเสียงรบกวน (Tinnitus masker)
ชนิดของเครื่องช่วยฟัง
1. เครื่องช่วยฟังแบบพกกระเป๋า (Pocket aid)
2.เครื่องแบบทัดหลังใบหู (Behind the ear hearing aid)
3. แบบใส่ในช่องหู
4. เครื่องช่วยฟังชนิดแว่นตา ( Eyeglasses hearing aid )
5. เครื่องช่วยฟังแบบรับเสียงข้ามหู (Contralateral Routing of Signal)
ประโยชน์ที่จะได้รับจากการใช้เครื่องช่วยฟัง
1. การรับฟังเสียงดีขึ้น
2. ผู้ป่วยที่สูญเสียการได้ยินและมีเสียงดังรบกวนในหู เมื่อใส่เครื่องช่วยฟังแล้วนอกจากการฟังจะดีขึ้น เสียงรบกวนในหูมักจะลดลงหรือหายไป
3. การใส่เครื่องช่วยฟังจะช่วยรักษาหน้าที่ของหูให้คงไว้
กฎหมายที่เกี่ยวกับผู้พิการทางการได้ยินกฎหมายที่ได้พูดเกี่ยวกับผู้พิการทางการได้ยินมีดังนี้
อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิคนพิการ
•ข้อ 9 ความสามารถในการเข้าถึง
2. ให้รัฐภาคีดำเนินมาตรการที่เหมาะสมดังนี้
(อี) จัดให้มีรูปแบบความช่วยเหลือที่เป็นสิ่งมีชีวิต และเป็นสื่อกลาง รวมถึงคนนำทาง ผู้อ่านและล่ามภาษามืออาชีพ เพื่ออำนวยความสะดวกในการเข้าถึงอาคารและสถานที่ที่เปิดให้แก่สาธารณะ
•ข้อ 21 เสรีภาพในการแสดงออกและแสดงความคิดเห็น และการเข้าถึงสารสนเทศ
(บี) การยอมรับและอำนวยความสะดวกการใช้ภาษามืออักษรเบรลล์ การสื่อสารทางเลือกและการสื่อสารเสริม และช่องทาง วิธีการและรูปแบบการสื่อสารทั้งปวงที่สามารถเข้าถึงได้ ที่คนพิการเลือกในการมีปฏิสัมพันธ์กับหน่วยงานภาครัฐ
(อี) การยอมรับและส่งเสริมการใช้ภาษามือ
การดูแลผู้พิการทางการได้ยินในประเทศไทย
โทรอักษร ของทีโอที จำกัด (มหาชน)
ตู้ TTRS ตู้สื่อสารสำหรับคนพิการทางการได้ยิน
สติ้กเกอร์ไลน์ภาษามือ



นโยบายและการดูแลคนพิการและคนหูหนวกในประเทศสหรัฐอเมริกา
สหรัฐอเมริกาจัดเป็นประเทศที่จัดสวัสดิการสังคมแบบ " Modern welfare state" หรือ "Liberal welfare " คือเห็นว่าการจัดสวัสดิการนั้นจะถูกกำหนดโดยรัฐ เฉพาะบางกลุ่มที่เสียเปรียบในสังคมและไม่สามารถเข้าสู่ตลาดแรงงานได้ เช่น ผู้สูงอายุ คนตกงาน คนยากจน และคนพิการ เท่านั้นสหรัฐอเมริกามีคนพิการประมาณ 50 ล้านคน หรือ 13 % ของประชากรทั้งหมด
ด้านกฎหมาย
ด้านการเดินทาง คมนาคมขนส่ง และอาคารสถานที่
ด้านสินค้า บริการ และอาคาร สถานที่
ด้านโทรคมนาคม
หน่วยงาน/คณะบุคคลที่กํากับ ดูแลการบังคับใช้กฎหมาย/นโยบายบทบาท ความเคร่งครัดในความรับผิดชอบของสถานประกอบการและนายจ้างต่อคนพิการ
การศึกษาพิเศษในประเทศสหรัฐอเมริกา
องค์กรสิทธิมนุษยชนชั้นนำสำหรับคนหูหนวกและคนหูตึงในประเทศสหรัฐอเมริกา
มีชื่อว่า National Association of the Deaf หรือ NAD
เปรียบเทียบประเทศไทยและสหรัฐอเมริกา


การช่วยเหลือและพัฒนาอาชีพ
ไทย สถานประกอบการเอกชนที่มีลูกจ้างมากกว่า 200 คนขึ้นไป ต้องรับคนพิการเข้าทำงาน 1 คนเศษของทุก 200 คนถ้าเกิน 100 คนให้รับคนพิการ 1 คน แต่ถ้านายจ้างที่ไม่ประสงค์หรือไม่รับคนพิการเข้าทำงานที่กำหนดให้ส่งเงินเข้ากองทุนฟื้นฟูคนพิการเป็นรายปี ที่รับครั้งหนึ่งของอัตราจ้างขั้นต่ำที่ใช้บังคับในท้องที่สถานประกอบการตั้งอยู่*365* จำนวนคนพิการที่ไม่รับเข้าทำงาน การประกาศรับสมัครต้องประกาศไม่น้อยกว่า 30 วันสหรัฐอเมริกา สถานประกอบการเอกชนที่มีลูกจ้างทุกๆ 15 คน ต้องพิจารณารับคนพิการเข้าทำงานหนึ่งคนหรือคิดเป็น 6.6% ของลูกจ้างทั้งหมด อาจมีคนพิการมาสมัครเข้าทำงาน สถานประกอบการต้องไม่เลือกปฏิบัติหรือปฏิเสธการรับเข้าทำงานคนพิการที่มีคุณสมบัติในการทำงานนั้นได้ เนื่องมาจากความพิการของเค้า นอกจากนี้องค์กรต้องมีช่องทางในการสื่อสารข้อมูลต่างๆกิ๊กเพื่อนและทำให้ลูกจ้างที่พิการสามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารนั้นด้วย
ไทย ให้การยอมรับ มีส่วนร่วมทางสังคม และให้สิ่งอำนวยความสะดวกและบริการต่างๆที่จำเป็นต่อคนพิการ -ด้านการขนส่งสาธารณะ- ยานพาหนะหรือบริการสาธารณะอื่นที่ต้องมีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกโดยตรงกับคนพิการ -ด้านสินค้าบริการและอาคารสถานที่- ลักษณะอาคารสถานที่หรือบริการศานะอื่นๆที่ต้องมีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกโดยตรงกับคนพิการ
สหรัฐอเมริกา รัฐหรือองค์กรสาธารณะอื่นๆจะปฏิเสธการให้บริการแก่คนพิการด้านสิ่งใช้สอย การบริการและการติดต่อสื่อสารไม่ได้ -ด้านการขนส่งสาธารณะ- หากพื้นที่ใดไม่มีคนสงสารนักต้องมีการขนส่งประเภทอื่นๆจัดรองรับเพื่ออำนวยความสะดวกแก่คนพิการด้วย -ด้านสินค้าบริการและอาคารสถานที่- อาหารที่สถานะที่จัดทำโดยทางภาครัฐและภาคเอกชนหรือธุรกิจเช่นภัตตาหาร โรงแรม โรงภาพยนตร์ คลินิกแพทย์ ร้านขายยา ห้องสมุด สวนสาธารณะ สถานบริการทางสังคม โรงเรียน จะต้องไม่เลือกปฏิบัติและต้องจัดสภาพเพื่อให้คนพิการเข้าถึงได้ -การโทรคมนาคม- บริษัทร้านโทรศัพท์ต้องมีระบบการโทรคมนาคมสำหรับคนพิการหูหนวก หรือบริการอื่นๆที่เทียบเคียงระบบนี้โดยจะไม่เพิ่มค่าบริการกับระบบบริการประเภทนี้ (Telecommunication devices for the deaf = TDD)
สหรัฐอเมริกา รัฐหรือองค์กรสาธารณะอื่นๆจะปฏิเสธการให้บริการแก่คนพิการด้านสิ่งใช้สอย การบริการและการติดต่อสื่อสารไม่ได้ -ด้านการขนส่งสาธารณะ- หากพื้นที่ใดไม่มีคนสงสารนักต้องมีการขนส่งประเภทอื่นๆจัดรองรับเพื่ออำนวยความสะดวกแก่คนพิการด้วย -ด้านสินค้าบริการและอาคารสถานที่- อาหารที่สถานะที่จัดทำโดยทางภาครัฐและภาคเอกชนหรือธุรกิจเช่นภัตตาหาร โรงแรม โรงภาพยนตร์ คลินิกแพทย์ ร้านขายยา ห้องสมุด สวนสาธารณะ สถานบริการทางสังคม โรงเรียน จะต้องไม่เลือกปฏิบัติและต้องจัดสภาพเพื่อให้คนพิการเข้าถึงได้ -การโทรคมนาคม- บริษัทร้านโทรศัพท์ต้องมีระบบการโทรคมนาคมสำหรับคนพิการหูหนวก หรือบริการอื่นๆที่เทียบเคียงระบบนี้โดยจะไม่เพิ่มค่าบริการกับระบบบริการประเภทนี้ (Telecommunication devices for the deaf = TDD)
การกำกับดูแล การบริหารจัดการและการบังคับใช้กฎหมาย
ไทย มีรัฐมนตรีที่รักษาการพระราชบัญญัตินี้มี 3 รัฐมนตรี รัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทย(ปัจจุบันถ่ายโอนไปกระทรวงการพัฒนาสังคม) กระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงศึกษาธิการ ในเรื่องการสนับสนุนงบประมาณจากรัฐ มีเงินกองทุนฟื้นฟูสมรรถภาพคนพิการเพื่อใช้ในกิจกรรมการสงเคราะห์และพัฒนาคนพิการ โดยได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐบาลการบริจาคดอกผล การหาประโยชน์จากเงินกองทุนรวมทั้งรายได้อื่น –ทัศนะต่อผู้ไม่ปฏิบัติตามกฏหมาย- การละเว้นไม่ถือเป็นสิ่งผิดกฏหมายและไม่ลงโทษผู้ละเมิดกฏหมาย
สหรัฐอเมริกา การนำกฎหมายไปใช้ เป็นกฎหมายที่ประกาศโดยรัฐบาลกลาง และนำไปบังคับใช้โดยรัฐบาลแต่ละมลรัฐ ที่อาจมีความแตกต่างและความเข้มงวดในการบังคับใช้กฎหมายที่แตกต่างกันบ้าง ในเรื่องของการสนับสนุนงบประมาณ งบประมาณอยู่ในส่วนค่าใช้จ่ายทางสังคมที่รัฐบาลการจัดสรรในแต่ละปีประมาณร้อยละ 25% ของ GDP -ทัศนะต่อผู้ไม่ปฏิบัติตามกฏหมาย- การละเว้นถือเป็นสิ่งผิดกฎหมายและลงโทษผู้ละเมิดกฏหมายแต่จะเอาจริงจังเพียงใดขึ้นอยู่แต่ละรัฐ
*ศึกษาดูงาน*
โรงเรียนเศรษฐเสถียร เป็นโรงเรียนรัฐบาล สังกัดกองการศึกษาเพื่อคนพิการ กระทรวงศึกษาธิการ เป็นโรงเรียนที่จัดให้การศึกษาแก่นักเรียนที่มีความบกพร่องทางการได้ยิน พัฒนาขึ้นมาจากหน่วยทดลองสอนคนหูหนวกโรงเรียนเทศบาล ๑๗ (วัดโสมนัสวรวิหาร) กรุงเทพมหานคร ซึ่งตั้งขึ้นเมื่อวันที่ ๑๐ ธันวาคม ๒๔๙๔ ต่อมาในวันที่ ๒๕ มีนาคม ๒๔๙๕ คุณหญิงโต๊ะ นรเนติบัญชากิจ ได้มีจิตศรัทธาบริจาคทรัพย์สิน มีเงินสด ที่ดิน และบ้านส่วนตัวของท่าน ซึ่งตั้งอยู่ ณ เลขที่ ๑๓๗ ถนนพระราม ๕ ตำบลถนนนครไชยศรี อำเภอดุสิต จังหวัดพระนคร ตั้งเป็นมูลนิธิให้ชื่อว่า "มูลนิธิเศรษฐเสถียร" เพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งตระกูล "เศรษฐบุตร" อันเป็นตระกูลของพระยานรเนติบัญชากิจ สามีของท่าน กับตระกูล "โชติกเสถียร" ซึ่งเป็นตระกูลของคุณหญิงเอง มูลนิธิเศรษฐเสถียร มีวัตถุประสงค์ที่จะร่วมมือกับ กระทรวงศึกษาธิการ ในการจัดสร้างโรงเรียนสอนคนหูหนวกขึ้นในที่ดินแห่งนี้
ในปี พ.ศ.๒๔๙๖ กระทรวงศึกษาธิการได้จัดสรรงบประมาณในการก่อสร้างอาคาร โรงเรียนสอนคนหูหนวกและงบประมาณสำหรับครุภัณฑ์และการดำเนินงานของโรงเรียน ในปีที่บรรจบครบรอบปีที่ 2 แห่งการจัดการศึกษาสำหรับคนหูหนวกในประเทศไทย ซึ่งตรงกับวันที่ ๑๐ ธันวาคม ๒๔๙๖ ได้มีพิธีเปิดโรงเรียนสอนคนหูหนวกในประเทศไทยขึ้นอย่างเป็นทางการ
ในปี พ.ศ. ๒๕๐๔ โรงเรียนสอนคนหูหนวกแห่งนี้ ได้เปลี่ยนชื่อเป็น โรงเรียนสอนคนหูหนวกดุสิต อันเนื่องมาจากกระทรวงศึกษาธิการ ได้จัดตั้งโรงเรียนสอนคนหูหนวกแห่งใหม่ขึ้นที่บริเวณอาคารสงเคราะห์ทุ่งมหาเมฆ
ในปี พ.ศ. ๒๕๑๘ กระทรวงศึกษาธิการได้มีนโยบายให้โรงเรียนสอนคนหูหนวกทั่วประเทศ เปลี่ยนชื่อ จากโรงเรียนสอนคนหูหนวก เป็นโรงเรียนโสตศึกษาจังหวัดต่างๆ คณะกรรมการมูลนิธิอนุเคราะห์คนหูหนวก ได้เสนอเปลี่ยนชื่อโรงเรียนสอนคนหูหนวกดุสิต เป็นโรงเรียนเศรษฐเสถียร เพื่อเป็นอนุสรณ์แด่ มูลนิธิเศรษฐเสถียร ที่ยุบเลิกไป จึงปรากฏชื่อโรงเรียนเศรษฐเสถียร ตั้งแต่ ๑ มกราคม ๒๕๑๘
ต่อมาเมื่อวันที่ ๒๖ กันยายน ๒๕๔๕ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ รับโรงเรียนเศรษฐเสถียร ไว้ในพระราชูปถัมภ์ ซึ่งเป็นโรงเรียนสอนคนหูหนวกแห่งแรกของประเทศไทยที่ได้รับพระราชทาน
พันธกิจ คือ มุ่งพัฒนาให้โรงเรียนเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ มุ่งพัฒนาองค์กรอย่างเป็นระบบให้เป็นผู้นำทางด้านวิชาการและวิชาชีพโดยการมีส่วนร่วมจากชุมชนและสังคม มุ่งพัฒนาผู้เรียนให้มีวินัยและคุณธรรมบนพื้นฐานวัฒนธรรมไทย เสริมสร้างให้ผู้เรียนมีทักษะในการใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยี ส่งเสริมให้ผู้เรียนสามารถบริหารจัดการตนเองให้อยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข
ความรู้สึกและความต้องการของผู้พิการทางการได้ยิน
ไม่ชอบแบบนี้เลย ไม่ชอบความเงียบ อยากได้ยินอยากรับรู้อะไรเหมือนคนอื่นบ้างปัญหาที่ทำให้ท้อและ เหนื่อยที่สุด ก็คือ อุปสรรคในการสื่อสาร บางครั้งรู้สึกว่าคนรอบข้างไม่ค่อยเข้าใจเรา เช่น เวลาขึ้นรถเมล์ พอกระเป๋าถามว่าจะไปลงไหนก็ต้องใช้วิธีเขียนบอกบางครั้งก็ทำให้เขาไม่พอใจเพราะเสียเวลาหรือ ถ้าต้องการจะโทรศัพท์ก็ต้องเขียนข้อความให้คนหูดีโทร.ให้ ถ้าเจอคนที่ไม่เข้าใจเขาไม่ยอม ช่วยเหลือพวกเขา ไม่สามารถเข้าใจอะไรได้ง่ายๆ หรือไม่เข้าใจอะไรที่มันซับซ้อน ลึกซึ้ง อย่างเช่น อาจารย์วิชาประวัติศาสตร์ บอกว่า วิชานี้จำเป็นต้องมีสื่อที่ใช้ในการสอนเยอะมาก เพราะเข้าใจยาก แค่คำว่า สุโขทัย ก็อธิบายกันจนหมดคาบ
“คนหูหนวกจะเป็นคนที่เหงามากๆ เลย การที่ได้ไปพบเพื่อน ทำกิจกรรม หรือ เที่ยวด้วยกัน ทำให้รู้สึกว่ามีสังคม ได้สนุกสนานกับเพื่อนที่เข้าใจ”
สิ่งที่พวกเขาต้องการคือ
คนที่คอยพูดคุย ไม่จำเป็นว่าต้องรู้ภาษามือหรือ หูหนวกแบบเดียวกัน รู้สึกเหมือนอยากมีคนคอยเข้าใจ ไม่มองว่าพวกเขาผิดปกติ ปฎิบัติกับพวกเขาเหมือนคนทั่วไป
และสิ่งที่น้องๆ ต้องการมากที่สุดคือ ในการเรียนพวกน้องๆ ไม่เหมือนคนปกติทั่วไป คำบางคำไม่สามารถสื่อสารออกมาได้ ทำให้การเรียนเป็นไปอย่างทุรักทุเร สื่อในการเรียนที่มีไม่อาจเพียงพอน้องๆ อยากเข้าใจอยากเรียนได้เหมือนคนปกติทั่วไป อยากมีงานทำที่ดี เรียนจบเป็นความภูมิใจให้แก่ครอบครัวว่าถึงแม้ตนเองไม่ปกติ แต่ตนเองสามารถทำได้ดั่งเช่นที่คนปกติทำ